มองการเลือกตั้งปี 2566 ผ่านอุดมทัศน์ไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม

Back
มองการเลือกตั้งปี 2566 ผ่านอุดมทัศน์ไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม

มูลนิธิหัวใจอาสาอยู่ระหว่างการจัดทำจดหมายเหตุไพบูลย์วัฒนศิริธรรม (ออนไลน์) เพื่อรวบรวมองค์ความรู้ของอาจารย์ไพบูลย์เผยแพร่ให้เป็นสาธารณประโยชน์ต่อสังคม จึงถือโอกาสทักทายกันเป็นฉบับแรก เพื่อให้เข้ากับบรรยากาศการบ้านการเมืองในปัจจุบัน จึงขอนำหนังสือ “ร่วมสร้างประเทศไทยด้วยมือเรา ถอดรหัสอุดมทัศน์ ไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม” ซึ่งจัดพิมพ์เมื่อปี พ.ศ.2555 มาเป็นสื่อนำในการพูดคุยกัน

หลังรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ประกาศยุบสภาเมื่อวันที่  20 มีนาคม 2566 ที่ผ่านมา การหาเสียงของพรรคการเมืองก็เริ่มเข้มข้นขึ้น ต่างก็ขนนโยบายที่มุ่งเน้นไปทางประชานิยม ลด แลก แจก แถม มาเสนอกันเต็มที่ การสัญญาว่าจะให้หลังจากได้รับการเลือกตั้งนั้น ดูแล้วไม่ต่างจากการซื้อเสียงด้วยเงินภาษีของประชาชนเลย ส่วนจะทำได้จริงหรือไม่ หรือจะมีผลกระทบต่อสังคมในแง่บวกหรือลบอย่างไร คงต้องดูผลงานหลังจากจบการเลือกตั้งไปแล้ว

สิ่งที่น่ากังวลที่สุดไม่ใช่การทำไม่ได้ตามนโยบาย แต่คือหากทำได้ จะบริหารงบประมาณแผ่นดินให้เพียงพอกับนโยบายลด แลก แจก แถม นี้ได้อย่างไร หากรัฐต้องกู้เงินมาเป็นจำนวนมาก แล้วไม่สามารถจัดเก็บรายได้ให้เพียงพอต่อการบริหารประเทศและการชำระหนี้ได้ จะกลายเป็นรัฐที่ล้มเหลวทันที อย่างเช่นหลาย ๆ ประเทศที่เคยประสบปัญหานี้มาก่อน

ก่อนการเลือกตั้ง วันที่ 14 พฤษภาคม 2566 ประชาชนยังมีเวลาในการคัดกรองนโยบายต่าง ๆ ของพรรคการเมืองได้ ว่านโยบายใดมีประโยชน์ต่อสังคมโดยรวมจริง ๆ ไม่ฉาบฉวยแค่ในระยะสั้น ๆ แต่สามารถพัฒนาสังคมและประเทศชาติไปได้อย่างยั่งยืน

หากมองย้อนกลับไปดูแนวคิดในการพัฒนาประเทศของอาจารย์ไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม ผ่านหนังสือ “ร่วมสร้างประเทศไทยด้วยมือเรา ถอดรหัสอุดมทัศน์ ไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม” ด้วยประสบการณ์การทำงานของอาจารย์ไพบูลย์ทั้งภาค รัฐ เอกชน วิชาการ การเมือง และ ประชาสังคม จึงสามารถวิเคราะห์ออกมาได้อย่างมีนัยสำคัญว่าประเทศไทยควรจะพัฒนาไปในทิศทางใด เพื่อให้สังคมไทยมุ่งไปสู่ “ความอยู่เย็นเป็นสุขร่วมกัน” โดยเฉพาะการพัฒนาคนให้มี 3 คุณลักษณะหลัก ดังนี้

  1. ความดี หมายถึง ทำสิ่งที่เป็นคุณ ไม่ทำสิ่งที่เป็นโทษ สร้างศักยภาพที่จะทำดี และสร้างทัศนคติละเว้นสิ่งที่ไม่ดี
  2. ความสามารถ หมายถึง ความสามารถในการ คิด ทำ จัดการ และปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น
  3. ความสุข ประกอบไปด้วย ความสุขทาง กาย ใจ ปัญญา/จิตวิญญาณ และสังคม

ดังนั้นจะเห็นได้ว่า สิ่งที่จะพัฒนาสังคมและประเทศได้อย่างแท้จริง ไม่ใช่การ ลด แลก แจก แถม แบบประชานิยม แต่หมายถึงการพัฒนาคนให้มีคุณสมบัติที่พร้อมในการพัฒนาตัวเองและสังคม ประชาชนจึงจะสามารถร่วมกันนำพาประเทศไปสู่ความยั่งยืนได้

ทั้งนี้อาจารย์ไพบูลย์ยังมีภาพของ “ประเทศไทยที่พึงปรารถนา” โดยแนวทางต่าง ๆ ให้น่าคิดตาม ซึ่งได้สรุปโดยย่อออกมาดังนี้

  1. ปรับโครงสร้างการเมืองการปกครอง : กระจายอำนาจถึงท้องถิ่น องค์กร และประชาชน เป็นข้อสำคัญที่สุด ที่จะทำให้ ”การมีส่วนร่วม” ของประชาชนง่ายขึ้น เมื่อประชาชนสามารถจัดการตนเองได้ดีในระดับท้องถิ่น และขยายตัวไปสู่ประเด็นสำคัญอื่น ๆ ได้ทั้งเรื่อง การมีส่วนร่วม สันติวิธีสู่สันติวัฒนธรรม ต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่นและส่งเสริมความสุจริตซื่อตรง สิ่งเหล่านี้จะเป็นพลังสำคัญในการผลักดันให้เป็นความสำเร็จระดับชาติได้โดยไม่ยาก
  2. ใช้กระบวนการมีส่วนร่วมทุกระดับ การมีส่วนร่วมที่ดี คือ การที่ประชาชนมีบทบาทสำคัญในการกำหนดนโยบาย มีกระบวนการที่เปิดโอกาสให้ประชาชนได้พูดคุยแบบสันติวิธีจนได้ข้อสรุปที่เป็นความเห็นร่วมกันของคนในสังคม ทั้งในกรณีสังคมเล็ก และสังคมใหญ่ ที่สำคัญระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริงควรเป็น “การเมืองของประชาชน โดยประชาชน และเพื่อประชาชน” โดยมีหลักการที่สำคัญคือ “ประชาชนต้องมีบทบาทในการรับรู้ ร่วมพัฒนา ร่วมตัดสินใจ ร่วมดำเนินการ ร่วมตรวจสอบและควบคุม” ไม่ใช่เป็นเพียงการเมืองของ “ผู้แทน” หรือการเมืองของภาครัฐหรือกลุ่มของธุรกิจการเมืองดังที่เป็นอยู่ในปัจจุบันนี้
  3. สร้างความรู้รักสามัคคีด้วยสันติวิธีและสันติวัฒนธรรม มีกุญแจ 3 ดอก ดังนี้
    1) “กระบวนการ” ที่ดี คือการมีส่วนร่วมอย่างทั่วถึงของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง  มี “คนกลาง” ช่วย “จัดกระบวนการ” ที่เหมาะสม
    2) “ทัศนคติ” ที่พึงปรารถนาและควรเอื้ออำนวยให้เกิดขึ้นในจิตใจอารมณ์ความรู้สึกนึกคิดในเชิงบวกของผู้ที่เกี่ยวข้อง
    3) “สาระ” ที่ดี ครบประเด็น เป็นรูปธรรม ขั้นตอนเหมาะสมชัดเจน มีกลไกติดตามผล เรียนรู้ และปรับปรุงพัฒนาได้อย่างต่อเนื่อง
  4. ส่งเสริมความซื่อตรงต่อต้านคอร์รัปชั่น เป็นเรื่องสำคัญเพราะเป็นเรื่องของความดี ความดีที่สำคัญมากเรื่องหนึ่งคือความซื่อตรง ตัวทำร้ายสังคมมากที่สุดคือ ความไม่ซื่อตรง เพราะความไม่ซื่อตรงคือ ความไม่เป็นธรรม ความเอาเปรียบ ความแย่งชิง จะเลวร้ายเสียกว่าโจรปล้นก็ได้ ควรสร้างเสริมจริยธรรมเจ้าหน้าที่ของรัฐและปลุกจิตสำนึกสังคมไทย
  5. ปฏิรูปการศึกษา เพื่อให้งานพัฒนาบุคคลมีคุณภาพและมีประสิทธิภาพจำเป็นต้องปฏิรูปโครงสร้างของกระทรวงศึกษาธิการ ส่งเสริมการเรียนรู้ทุกรูปแบบ ปรังปรุงหลักสูตรและวิธีการเรียนการสอน
  6. มองปัญหาระดับโลกและมนุษยชาติ ลอดแว่นไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม 3 อภิมหาอันตรายระดับโลก คือ
    1) ประชากรหนาแน่นเกินไป
    2) บริโภคนิยมมากเกินไป รวมถึงความเห็นแก่ตัว โลภ เบียดเบียน
    3) ความดีน้อยเกินไป
    การป้องกัน ต้องสร้างความสมดุลระหว่างมนุษ์กับธรรมชาติ ชะลอและลดจำนวนประชากรให้เข้าสู่ระดับสมดุล อนุรักษ์และพัฒนาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมให้เอต่อมนุษย์ ปรับวิถีชีวิตและวัฒนธรรมจาก “บริโภคนิยม/วัตถุนิยม/ยื้อแย่งแข่งขันนิยม” มาเป็น “พอเพียงนิยม/คุณธรรมความดีนิยม/เอื้อเฟื้อแบ่งปันนิยม”
  7. ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ทางรอดที่ยั่งยืนของประเทศไทยและของโลก คนทั่วไปมักเข้าใจว่าปรัชญานี้เหมาะสำหรับวิถีชีวิตทางเกษตรกรรม หรือธุรกิจขนาดเล็ก-กลางเท่านั้น แต่จริง ๆ แล้วสามารถแก้ปัญหาเชิงระบบทั้งของประเทศไทยและของโลกได้

พอเห็นแนวทางการพัฒนาประเทศของอาจารย์ไพบูลย์ แล้วมองนโยบายของพรรคการเมืองต่าง ๆ ที่นำเสนอกันออกมา มีส่วนไหนที่ตรงกันบ้างให้เอาปากกามาวง แล้วพิจารณาการเลือกตั้งกันให้ดี หวังเป็นอย่างยิ่งว่าหลังจากการเลือกตั้งครั้งนี้ ประเทศไทยจะผ่านพ้นความขัดแย้ง และสามารถร่วมมือกันขับเคลื่อนประเทศไทยไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนได้

 

สามารถเข้าไปอ่านหนังสือฉบับเต็มได้ที่ https://paiboon.net/?p=archives&act=detail&id_archives=43

และยังมีเรื่องราวและองค์ความรู้ดี ๆ อีกมากมาย รอให้ทุกคนเข้าไปค้นหากันที่ “จดหมายเหตุไพบูลย์วัฒนศิริธรรม (ออนไลน์)” บนเว็บไซต์ www.paiboon.net

 

ขอบคุณภาพบางส่วนจาก www.prachachat.net

 

มูลนิธิหัวใจอาสา

มูลนิธิหัวใจอาสา ได้จัดทำ จดหมายเหตุ อาจารย์ไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม นี้ขึ้นมา เพื่อรวบรวมแนวคิด และองค์ความรู้ รวมถึงเรื่องราวต่าง ๆ ในชีวิตของอาจารย์ไพบูลย์ ไว้ให้ได้ศึกษากัน

ติดต่อเรา

: 2044/23 ถ.เพชรบุรีตัดใหม่ บางกะปิ ห้วยขวาง กรุงเทพ 10310

mobile :

: 02 314 4112-3